วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

starry night

Starry night

คืนที่ดาวพร่างพรายของ Vincent van Gogh

จิตรกรชาวดัชท์ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล ด้วยผลงานที่สร้างอิทธิพลต่อศิลปะ อิมเพรสชั่นนิสท์-โมเดินท์อาร์ต รุ่นต่อมาอย่างมากมาย แวนโก๊ะนับเป็นผู้มีพรสวรรค์ทางศิลปะระดับอัจฉริยะ แต่กลับมีปัญหาในการอยู่ร่วมกับผู้คนโดยทั่วไปทำให้ไม่ได้รับการยอมรับในด้านส่วนตัว ต้องต่อสู้เพื่อเสนองานศิลปะ กับต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคทางจิตประสาทความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจของเขาแสดงออกทางภาพเขียน ด้วยการใช้สีสันอันร้อนแรง การปัดพู่กันหยาบๆ และรูปแบบลายเส้นที่มีลักษณะเฉพาะตัว อาจเพราะผลงานที่ล้ำยุคล้ำสมัย ทำให้ภาพเขียนกว่า 1500 ภาพของเขามีเพียงภาพเดียวที่นับว่า ขายได้ขณะผู้เขียนยังมีชีวิตอยู่ แวนโก๊ะตัดสินใจใช้ปืนสั้นจบชีวิตตัวเองลง ขณะมีอายุได้เพียง 37 ปี เนื่องจากเชื่อว่าผลงานศิลปะจะมีผู้ให้ความสนใจมากขึ้นหากศิลปินเสียชีวิตลง ชีวประวัติของเขานับเป็นโศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ศิลปะ


Starry, starry night.
Paint your palette blue and grey,
Look out on a summer's day,
With eyes that know the darkness in my soul.
......................................................................
    ภาพของแสงสีในยามค่ำคืนนั้น เป็นภาพที่เขาใฝ่ฝันอยากเขียนขึ้นและความฝันของเขาก็ได้กลายมาเป็นความจริง เมื่อเขาตัดสินใจย้ายมา อยู่ที่เมืองอาเรส ในเดือนกุมภาพันธ์ของปี ค.ศ. 1888 ในจดหมายเขาได้กล่าวไว้ว่า "….ในชีวิตของจิตรกรแล้ว ความตายอาจไม่ใช่ความยากลำบากที่สุดในชีวิต ฉันสามารถพูดได้ว่า ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย แต่เมื่อฉันได้มองดูดวงดาวแล้ว ฉันก็เริ่มนึกคิดจุดดำมืดที่แสดง ถึงภาพของเมือง และหมู่บ้านในแผนที่ ทำให้ฉันคิดว่าทำไมมนุษย์เราถึงได้ให้ความสำคัญของ จุดดำมืดที่อยู่บนแผนที่ของฝรั่งเศส มากไปกว่า แสงสว่างอันแท้จริงที่ส่องตรงมาจากสวรรค์ มันก็คงเหมือนกับการที่เราเลือกไป รถไฟเพื่อจะไปยังทาราสคอน หรือโรน หรือเราจะเลือก เอาความตายเพื่อจะไปให้ถึงดวงดาวบนฟ้านั่น "
Van gogh พูดเรื่องความตายบ่อยครั้ง ... และจากความที่เขาเป็นคนแปลกแยก และมีอาการทางจิตอยู่เสมอ เขาเลือกเส้นทางของตัวเองด้วยการยิงเข้าที่หน้าอกตัวเอง ... เพื่อจากไปในวัยเพียง 37 ปี... ดังเนื้อเพลงท่อนนี้ ....
“For they could not love you,
But still your love was true.
And when no hope was left in sight
On that starry, starry night,
You took your life, as lovers often do.
But I could have told you, Vincent,
This world was never meant for one
As beautiful as you.
................................................................
และเช่นเดียวกับ จิตรกร และศิลปินเอกหลายคนในโลก ที่ยามมีชีวิตอยู่ลำบากยากแค้น แต่พอตายไปคนก็เพิ่งมาเห็นผลงาน มาเห็นความสำคัญ ให้เกียรติกัน .... โดยที่เจ้าตัวเองไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่ามีคนตระหนัก และเข้าใจในงานของเขา
Now I think I know what you tried to say to me,
How you suffered for your sanity,
How you tried to set them free.
They would not listen, they're not listening still.
Perhaps they never will...
(หรือบางครั้งอาจจะไม่มีใครเคยเข้าใจเขาเลย.....)
.........................................................
Starry starry night paint your palette blue and grey look out on a summer's day with eyes that know the darkness in my soul.

Shadows on the hills sketch the trees and the daffodils catch the breeze and the winter chills in colors on the snowy linen land.

And now I understand what you tried to say to me how you suffered for your sanity how you tried to set them free. They would not listen they did not know how perhaps they'll listen now. Starry starry night flaming flo'rs that brightly blaze swirling clouds in violet haze reflect in Vincent's eyes of China blue.
Colors changing hue morning fields of amber grain weathered faces lined in pain are soothed beneath the artist's loving hand.

And now I understand what you tried to say to me how you suffered for your sanity how you tried to set them free. perhaps they'll listen now. For they could not love you but still your love was true and when no hope was left in sight on that starry starry night. You took your life as lovers often do; But I could have told you Vincent this world was never meant for one as beautiful as you. Starry starry night portraits hung in empty halls frameless heads on nameless walls with eyes that watch the world and can't forget.
Like the stranger that you've met the ragged men in ragged clothes the silver thorn of bloddy rose lie crushed and broken on the virgin snow.

And now I think I know what you tried to say to me how you suffered for your sanity how you tried to set them free. They would not listen they're not list'ning still perhaps they never will.
...............................................
คำแปล

คืนดวงดาวพร่างพราวฟ้า... แต่งแต้มจานสีเธอด้วยสีฟ้าสีเทา
เฝ้ามองทิวาวารแห่งคิมหันต์ฤดู ด้วยดวงตาที่หยั่งรู้ความหม่นมัวในใจฉัน
เงื้อมเงาทาบทาทิวเขา ขีดเขียนภาพร่างทิวไม้และหมู่ต้นแดฟโฟดีล
สัมผัสสายลมรวยริน และความเยือกเย็นแห่งฤดูกาลเหน็บหนาว
จากมวลสีสันแต่งแต้ม...บนพื้นลินินขาวราวหิมะ...
และแล้วฉันพลันเข้าใจ... สิ่งใดที่เธอพร่ำบอกฉัน
ยากเย็นเพียงไหนที่เธอสู้ฝ่าฟัน และเหนื่อยยากเพียงใด เพื่อปลดปล่อยเหล่าผู้คน
ไม่มีใครรับรู้ ไม่เคยมีใครรับฟัง อาจบางที...พวกเขาจะรับฟังบ้างแล้ว...
คืนดวงดาวพร่างพราวฟ้า... ดั่งดอกไม้เพลิงโชติช่วงสุกใส
หมู่เมฆหมุนคว้างกลางเงาหมอกม่วงหม่น... สะท้อนในดวงตาสีครามของวินเซนต์
สีสันแปรเปลี่ยนความเข้มจาง ท้องทุ่งยามอรุณดั่งโรยเม็ดอำพัน
ใบหน้าอันทุกข์ทน กร้านกรำทรมาน...
พลันได้รับการบรรเทา...ใต้มือเปี่ยมรักแห่งศิลปิน
บัดนี้ฉันจึงเข้าใจ... สิ่งใดที่เธอเพียรบอกฉัน
ยากเย็นเพียงไหนที่เธอสู้ฝ่าฟัน และเหนื่อยยากเพียงใด เพื่อการปลดปล่อยเหล่าผู้คน
ไม่มีใครรับรู้ ไม่เคยมีใครเข้าใจ บางทีตอนนี้...จะมีใครรับฟังบ้างแล้ว...
แม้ไม่อาจมีใครรักเธอ... แต่รักเธอยังคงเที่ยงแท้เพียงนั้น
และเมื่อยามสิ้นไร้ความหวัง....โอ้ คืนแห่งดาราพร่าพราย...
เธอได้พลีใจกาย เช่นเหล่าผู้มีรักได้เคยกระทำ...
แต่วินเซนต์เอ๋ย... ฉันอาจบอกเธอได้เพียงว่าโลกนี้ไม่เคยคู่ควร... กับผู้งดงามเช่นเธอ...
คืนดวงดาวพร่างพราวฟ้า.... รูปเหมือนแขวนไว้ในห้องโถงเวิ้งว้างว่างเปล่าใบหน้าในภาพไร้กรอบ... ติดผนังไว้โดยไร้นาม
กับดวงตาที่ยังเฝ้ามองสรรพสิ่งและไม่เคยลืมเลือน
เหมือนเหล่าคนจรพลัดถิ่นที่เธอเคยพบพาน... คนยากไร้ในอาภรณ์คร่ำคร่า...
ดั่งหนามสีเทาเงิน กุหลาบแดงสดใส...
ถูกขยี้แหลกลาญ กลางผืนหิมะขาวสะอาด
บัดนี้ฉันจึงคิดเข้าใจ...สิ่งใดที่เธอเพียรบอกฉัน
ยากเย็นเพียงไหนที่เธอสู้ฝ่าพัน เหน็ดเหนื่อยเพียงใด กับการปลดปล่อยเหล่าผู้คน
พวกเขาไม่เคยรับรู้... ยังไม่มีใครยอมรับฟัง...
อาจบางที...พวกเขาไม่มีวันเข้าใจ...

              ภาพเขียนสีน้ำมันที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งของแวนโก๊ะ เก็บรักษาไว้ที่ The Museum of Modern Art, New York ปัจจุบันควรมีมูลค่านับพันล้านบาทหากนำออกประมูล โดยปกติแล้วผลงานของแวนโก๊ะมักเขียนขึ้นใน เหตุการณ์สถานที่จริง แต่ภาพนี้ถูกเขียนจากจินตนาการขณะพักรักษาตัวด้วยอาการป่วยทางประสาท แวนโก๊ะมักบรรยายถึงแนวคิดในผลงานทุกชิ้นไว้อย่างลึกซึ้งแต่กลับไม่มีการกล่าวถึงภาพนี้เอาไว้เลย ภาพจึงได้รับการวิเคราะห์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง บางทีตอนนี้เขาอาจอยู่ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งเฝ้ามองโลกนี้ผ่านภาพเขียนของเขา และอาจไม่มีใครสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของภาพ The Starry Night ในใจเขาได้ตลอดกาล...

                                                                    เพลง  Starry night
    

1 ความคิดเห็น: